หน่วยที่ 6 อินเตอร์เน็ต
1.กำเนิดอินเตอร์เน็ต
เครือข่ายอินเตอร์เน็ต ได้ถือกำเนิดมาในยุคของสงครามเย็นระหว่าง 2 ประเทศมหาอำนาจ คือ สหรัฐอเมริกา และรัสเซีย เนื่องจากกระทรวงกลาโหมของอเมริกาได้เกิดแนวความคิด ที่ต้องการอยากจะให้ระบบ เครือข่ายในเรื่องคอมพิวเตอร์ของตนสามารถทำงาน และสั่งการได้เร็ว โดยไร้ซึ่งคนดูแล หากถูกข้าศึก โจมตีด้วยระเบิดปรมาณู ณ เมืองใดเมืองหนึ่ง หรือเกือบทั้งหมดก็ตาม ระบบคอมพิวเตอร์บางส่วนอาจ ถูกทำลายไป แต่ส่วนที่เหลือยังคงต้องสามารถปฏิบัติงาน ต่อเองได้ ด้วยเป้าหมายนี้เองจึงได้เกิดเป็นโครงการ วิจัยและพัฒนาระบบเครือข่ายดังกล่าวขึ้นมีชื่อเรียกว่า ARPA (Advanced Research Project Agency) และได้มีการเจริญเติบโต อย่างรวดเร็ว จนกลายมาเป็นเครือข่ายอินเตอร์เน็ตอย่างที่รู้จัก กันดีในปัจจุบัน
อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยเริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2530 โดยการเชื่อมต่อมินิคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) ไปยังมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย แต่ในครั้งนั้นยังเป็นการ เชื่อมต่อโดยผ่านสายโทรศัพท์ ซึ่งสามารถส่งข้อมูลได้ช้าและไม่เป็นการถาวร จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2535 ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) ได้เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับมหาวิทยาลัย 6 แห่ง ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ(NECTEC), มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เข้าด้วยกันเรียกว่า "เครือข่ายไทยสาร“ การให้บริการอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยได้เริ่มต้นขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ เดือน มีนาคม พ.ศ. 2538 โดยความร่วมมือของรัฐวิสาหกิจ 3 แห่ง คือ การสื่อสารแห่งประเทศไทย องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย และสำนักงานส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยให้บริการในนาม บริษัทอินเทอร์เน็ต ประเทศไทย (Internet Thailand) เป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเชิงพาณิชย์รายแรกของประเทศไทย
2.ประวัติอินเตอร์เน็ตในประเทศไทย
- เวิลด์ไวด์เว็บ (www.) ย่อมาจาก World Wide Web คือ พื้นที่ที่เก็บข้อมูลข่าวสารที่เชื่อมต่อกันทางอินเทอร์เน็ต โดยการกำหนด URL
หมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องในระบบเครือข่ายที่ใช้โปรโตคอลแบบ TCP/IP ประกอบไปด้วยหมายเลข 4 ชุด เช่น 192.168.1.1
โปรโตคอลแบบ TCP/IP คือ ภาษาสื่อสารมาตรฐานในคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นเครื่อง PC, MAC , หรือเครื่องระดับมินิ จนไปถึงเมนเฟรม หากมี TCP/IP นี้อยู่ ก็จะสามารถเชื่อมโยงเข้าสู่อินเตอร์เน็ตและเชื่อมต่อระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ได้
ถึงแม้อินเทอร์เน็ตจะใช้ไอพีแอดเดรสในการทำงาน แต่เป็นตัวเลขที่ยาวทำให้ผู้ใช้จำยาก จึงได้มีการใช้โดเมนเนม (Domain Name) หรืออินเทอร์เน็ตแอดเดรสมาใช้ ซึ่งเป็นการนำตัวอักษรที่จำง่ายมาใช้แทนไอพีแอดเดรส โดเมนเนมจะไม่ซ้ำกันและมักถูกตั้งให้สอดคล้องกับ ชื่อบริษัท หรือองค์กรผู้เป็นเจ้าของเพื่อสะดวกในการจดจำชื่อ เช่น บริษัท ดัชมิลล์ จำกัด มีโดเมนเนม คือ dutchmill.co.th
1. โดเมน 2 ระดับ ชื่อโดเมน . ประเภทของโดเมน เช่น www.facebook.com
2. โดเมน 3 ระดับ ชื่อโดเมน . ประเภทของโดเมน . ประเทศ เช่น www.bbc.co.uk
6.ตัวอักษรย่อประเภทของโดเมน2. โดเมน 3 ระดับ ชื่อโดเมน . ประเภทของโดเมน . ประเทศ เช่น www.bbc.co.uk
* .ac /.edu คือ สถาบันการศึกษา
* .go คือ องค์กรของรัฐบาล
* .net คือ องค์กรที่ให้บริการเครือข่าย
* .or คือ องค์กรเอกชนที่ไม่แสวงผลกำไรตัวย่อของประเทศที่ตั้งขององค์กร
* .org คือ องค์กรเอกชนที่ไม่แสวงผลกำไร
* .net คือ องค์กรที่เป็นเกตเวย์ หรือ จุดเชื่อมต่อเครือข่าย
* .gov คือ องค์กรของรัฐบาล
* .mil คือ องค์กรทางทหาร
* .net คือ องค์กรที่เป็นเกตเวย์ หรือ จุดเชื่อมต่อเครือข่าย
* .gov คือ องค์กรของรัฐบาล
* .mil คือ องค์กรทางทหาร
* .th คือ ประเทศไทย
* .cn คือ ประเทศจีน
* .uk คือ ประเทศอังกฤษ
* .jp คือ ประเทศญี่ปุ่น
* .au คือ ประเทศออสเตรเลีย
* .cn คือ ประเทศจีน
* .uk คือ ประเทศอังกฤษ
* .jp คือ ประเทศญี่ปุ่น
* .au คือ ประเทศออสเตรเลีย
8.1ความสำคัญด้านการศึกษา
1. อินเทอร์เน็ตทำให้ผู้เรียนมีโอกาสได้รับความรู้ใหม่
2.เรียนรู้ประสบการณ์จากสภาพที่เป็นจริง
3.เป็นแหล่งความรู้ ค้นคว้าหาข้อมูล เปรียบเสมือนเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่
8.2 ความสำคัญด้านธุรกิจและการพาณิชย์
1.ค้นหาข้อมูลต่างๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ
2.การซื้อขายสินค้า ทำธุรกรรมผ่านระบบเครือข่าย
3.เป็นช่องทางในการโฆษณาสินค้า
8.3ความสำคัญด้านความบันเทิง
1. ค้นหา Magazine online รวมทั้งหนังสือพิมพ์และข่าวสารอื่นๆได้
2.ฟังวิทยุผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้
3.สามารถดาวน์โหลด Download ภาพยนตร์ตัวอย่างทั้งภาพยนตร์ใหม่และเก่ามาดูได้
1. ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic mail=E-mail) เป็นการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตโดยผู้ส่งจะต้องส่งข้อความไปยังที่อยู่ของผู้รับ และแนบไฟล์ไปได้
2. เทลเน็ต (Telnet) การใช้งานคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งที่อยู่ไกล ๆ ได้ด้วยตนเอง เช่น สามารถเรียกข้อมูลจากโรงเรียนมาทำที่บ้านได้
3. การโอนถ่ายข้อมูล (File Transfer Protocol ) ค้นหาและเรียกข้อมูลจากแหล่งต่างๆมาเก็บไว้ในเครื่องของเราได้ ทั้งข้อมูลประเภทตัวหนังสือ รูปภาพและเสียง
4. การสืบค้นข้อมูล (Gopher,Archie,World wide Web) การใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตในการค้นหาข่าวสารที่มีอยู่มากมาย ใช้สืบค้นข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ทั่วโลกได้
5. การแลกเปลี่ยนข่าวสารและความคิดเห็น (Usenet) เป็นการบริการแลกเปลี่ยนข่าวสารและแสดงความคิดเห็นที่ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตทั่วโลก แสดงความคิดเห็นของตน โดยกลุ่มข่าวหรือนิวกรุ๊ป(Newgroup)แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
6. การสื่อสารด้วยข้อความ (Chat,IRC-Internet Relay chat) เป็นการพูดคุย โดยพิมพ์ข้อความตอบกัน ซึ่งเป็นวิธีการสื่อสารที่ได้รับความนิยมมากอีกวิธีหนึ่ง การสนทนากันผ่านอินเทอร์เน็ตเปรียบเสมือนเรานั่งอยู่ในห้องสนทนาเดียวกัน แม้จะอยู่คนละประเทศหรือคนละซีกโลกก็ตาม
7. การซื้อขายสินค้าและบริการ (E-Commerce = Electronic Commerce) เป็นการซื้อ - สินค้าและบริการ ผ่านอินเทอร์เน็ต
8. การให้ความบันเทิง (Entertain) บนอินเทอร์เน็ตมีบริการด้านความบันเทิงหลายรูปแบบต่างๆ เช่น รายการโทรทัศน์ เกม เพลง รายการวิทยุ เป็นต้น เราสามารถเลือกใช้บริการเพื่อความบันเทิงได้ตลอด 24 ชั่วโมง
10.โทษของอินเตอร์เน็ต
1. อินเตอร์เน็ตเป็นระบบอิสระ ไม่มีเจ้าของ ทำให้การควบคุมกระทำได้ยาก
2. มีข้อมูลที่มีผลเสียเผยแพร่อยู่ปริมาณมาก
3.ไม่มีระบบจัดการข้อมูลที่ดี เสี่ยงต่อการละเมิดลิขสิทธิเช่น เพลง หนัง เติบโตเร็วเกินไป
4. เสี่ยงต่อการโดนจารกรรมข้อมูล การโจมตีจากไวรัส, แฮกเกอร์ และจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ มัลแวร์
5. ข้อมูลบางอย่างอาจไม่จริง ต้องดูให้ดีเสียก่อน อาจถูกหลอกลวง โจมตี โฆษณาชวนเชื่อ กลั่นแกล้งจากเพื่อนใหม่ เช่น การตัดต่อรูปเพื่อการอนาจาร
6. ถ้าเล่นอินเตอร์เน็ตมากเกินไปอาจเสียการเรียนได้
7. ข้อมูลบางอย่างก็ไม่เหมาะกับเด็กๆ
8. ขณะที่ใช้อินเตอร์เน็ต โทรศัพท์จะใช้งานไม่ได้
9. ใช้สื่อทางอินเตอร์เน็ตเพื่อกล่าวหาและโจมตีคู่แข่ง
1. ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์ทำร้าย หรือละเมิดผู้อื่น
2. ต้องไม่รบกวนการทำงานของผู้อื่น
3. ต้องไม่สอดแนม แก้ไข หรือเปิดดูแฟ้มข้อมูลของผู้อื่น
4. ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการโจรกรรมข้อมูลข่าวสาร
5. ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์สร้างหลักฐานที่เป็นเท็จ
6. ต้องไม่คัดลอกโปรแกรมของผู้อื่นที่มีลิขสิทธิ์
7. ต้องไม่ละเมิดการใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์โดยที่ตนเองไม่มีสิทธิ์
8. ต้องไม่นำเอาผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตน
9. ต้องคำนึงถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับสังคมที่เกิดจากการกระทำของท่าน
10. ต้องใช้คอมพิวเตอร์โดยเคารพกฎระเบียบกติกาและมีมารยา